วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Posted on 14:24 by Foto de Artes

จอร์จ แฮร์ริสัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จอร์จ แฮร์ริสัน (อังกฤษ: George Harrison)^[1] MBE (25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 – 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001)^[2] เป็นมือกีตาร์ชาวอังกฤษ นักร้อง-นักแต่งเพลง ผู้สร้างภาพยนตร์ เขาประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติจากการเป็นมือกีตาร์ลีดให้กับวงเดอะบีทเทิลส์ และยังมีชื่ออยู่อันดับ 21 ของการจัดอันดับในนิตยสารโรลลิงสโตนในหัวข้อ "100 นักกีตาร์ที่เยี่ยมที่สุดตลอดกาล"^[3]^[4] มักถูกพูดถึงว่าเป็น "บีทเทิลที่เงียบขรึม" (the quiet Beatle)^[3] แฮร์ริสันเชื่อเรื่องเวทมนตร์อินเดีย และยังทำให้ฐานคนฟังของเดอะบีทเทิลส์กว้างขึ้นเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ฟังตะวันตก^[5] หลังจากที่วงแตกไป เขาประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวและต่อมาก็อยู่ในวง แทรเวลลิงวิลบูรีส์ และยังเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และเพลงอีกด้วย ถึงแม้ว่าเพลงโดยมากของเดอะบีทเทิลส์จะแต่งโดยเลนนอนและแม็กคาร์ตนีย์ แฮร์ริสันก็ยังแต่งเพลง 1 หรือ 2 เพลงต่ออัลบั้มตั้งแต่ชุด Help! เป็นต้นมา^[6] ผลงานเขาที่ร่วมกับเดอะบีทเทิลส์เช่นเพลง "Here Comes the Sun", "Something", "I Me Mine" และ "While My Guitar Gently Weeps" หลังจากวงแตกไป แฮร์ริสันก็ยังเขียนเพลง ออกผลงานทริปเปิลอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่าง All Things Must Pass ในปี 1970 ที่มี 2 ซิงเกิ้ลและ ดับเบิลเอ-ไซด์ซิงเกิล: "My Sweet Lord" กับ Isn't It a Pity" นอกจากนี้ในงานเดี่ยว แฮร์ริสันยังร่วมเขียนเพลงฮิต 2 เพลงให้กับริงโก สตารร์ อดีตสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์อีกคน และเพลงในวงแทรเวลลิงวิลบูรีส์ วงซูเปอร์กรุ๊ป ที่ฟอร์มวงในปี 1988 ร่วมกับบ็อบ ดีแลน, ทอม เพตตี, เจฟฟ์ ลีนน์ และรอย ออร์บิสัน
แฮร์ริสัน ได้รับวัฒนธรรมอินเดียและฮินดู ในช่วงทศวรรษ 1960 และช่วยให้ความรู้กับคนตะวันตกด้วยเพลงซิตาร์ และกลุ่มเคลื่อนไหวฮาเร กฤษณะ เขาร่วมกับระวี ชังการ์ จัดคอนเสิร์ตการกุศลในปี 1971 ที่ชื่อ Concert for Bangladesh และเขาถือเป็นคนเดียวในเดอะบีทเทิลส์ที่พิมพ์อัตชีวประวัติ ขึ้นที่ชื่อ I Me Mine ในปี 1980
นอกจากการเป็นนักดนตรีแล้ว เขายังเป็นโปรดิวเซอร์เพลง และร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ชื่อ แฮนด์เมดฟิล์มส งานของเขาในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ เขาร่วมงานกับผู้คนหลากหลายอย่าง มาดอนน่า และสมาชิกของกลุ่มมอนตี้ ไพธอน^[7] ด้านชีวิตส่วนตัวเขาแต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับนางแบบ แพตตี บอยด์ ในปี 1966 และเลขาบริษัทค่ายเพลงที่ชื่อ โอลิเวีย ทรินิแดด อาเรียส ในปี 1978 ที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ ดานี แฮร์ริสัน เขายังเป็นเพื่อนสนิทกับอีริก แคลปตัน และอีริก ไอเดิล เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปอดเมื่อปี 2001

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จอร์จ แฮร์ริสัน
จอร์จ แฮร์ริสัน ในปี 1974
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อจริง	จอร์จ แฮร์ริสัน
ชื่ออื่น	L'Angelo Misterioso Hari Georgeson Nelson/Spike Wilbury George Harrysong Carl Harrison George O'Hara-Smith
เกิด	25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 ลิเวอร์พูล, ประเทศอังกฤษ
วันที่เสียชีวิต	29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 (58 ปี) ลอสแอนเจลิส, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
แนวเพลง	ร็อก, ป็อป, ไซเคเดลิกร็อก, เอกซ์เพริเมนทอลร็อก
อาชีพ	นักดนตรี, นักแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์เพลง
ช่วงปี	1958–2001
ค่ายเพลง	Parlophone, Capitol, Swan, Apple Vee-Jay, EMI, Dark Horse Records
ส่วนเกี่ยวข้อง	The Quarrymen, The Beatles, Traveling Wilburys, Dhani Harrison
เว็บไซต์	GeorgeHarrison.com
เครื่องดนตรี
Gretsch Country Gentleman "Rocky" Rosewood Telecaster

Continue

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จอห์น เลนนอนกับงานศิลปะ

Posted on 18:12 by Foto de Artes

PICTURE yourself . . . some of the works on show at the Imagine the Art of John Lennon exhibition to be held Saturday to Tuesday at The Cooper Gallery in Noosa.

หากเอ่ยชื่อจอห์น เลนนอน แห่งวงเดอะ บีเทิลส์ ทุกคนต้องร้องอ๋อ เพลง "Imagine" ของเขายังคงเป็นเพลงในดวงใจ ของนักฟังเพลงทั่วโลก
ไม่แต่เพียงแต่งเพลงเพราะๆ และมีความหมาย เลนนอนยังมีผลงานด้านการวาดภาพลายเส้น และภาพพิมพ์เป็นจำนวนมากด้วย เพียงแต่ยังไม่เคยนำออกแสดง และส่วนใหญ่จะไปอยู่ในคอลเลคชั่นส่วนตัวของนักสะสม
แต่ในที่สุดก็มีการนำผลงานภาพลายเส้นของแท้ของจอห์น เลนนอน ออกมาแสดงให้สาธารณชนได้ชื่นชม ในชื่อว่า ก้าวไปด้วยกันผ่านงานศิลปะของจอห์น เลนนอน (Coming Together Through The Art of John Lennon) ที่พิพิธภัณฑ์สมาคมประวัติศาสตร์เขตโวเคชา ชานเมืองมิลโวคี รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน นี้

JOHN LENNON: THE COMPLETE COLLECTION OF ARTWORKS

นิทรรศการดังกล่าวมีภาพวาดลายเส้นดินสอและปากกา ภาพพิมพ์หิน และภาพพิมพ์ซิลค์สกรีน รวม 27 ภาพ ที่เลนนอนสร้างสรรค์ขึ้นช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 ถึง 1978 รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปินชื่อดังผู้นี้ออกมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ดี โยโกะ โอโนะ ภรรยาหม้ายของจอห์น เลนนอน และแฟนๆ ผู้ยังคงศรัทธาในตัวของเลนนอนไม่เสื่อมคลายต่างมีความเห็นตรงกันว่า เพื่อปกป้องผลงานเหล่านี้ไม่ให้ถูกลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ จึงไม่ให้ช่างภาพถ่ายภาพผลงานเหล่านี้ไปแบบเต็มๆ ชิ้น ภาพผลงานแต่ละชิ้นของเขาจะถูกบันทึกภาพไปแค่บางส่วนเท่านั้น และอีกอย่างคือไม่อยากให้มีการนำภาพขึ้นอินเทอร์เน็ต เพราะเกรงว่าจะเสี่ยงต่อการถูกลอกเลียนแบบหรือส่งต่อกันได้ง่ายๆ ทำให้ภาพเหล่านี้เสื่อมคุณค่าลง ที่สำคัญคือบางภาพอยู่ในสภาพที่บอบบางมากและทั้งหมดเป็นผลงานที่มูลค่าเป็นแสนๆ ดอลลาร์หรือมากกว่านั้นทั้งสิ้น
สิ่งของน่าสนใจอย่างหนึ่งที่ถูกนำมาแสดงในงานนี้ด้วยคือ ไมโครโฟน ที่เลนนอนใช้บันทึกเสียงตอนที่ร้องเพลง Imagine ว่ากันว่าปัจจุบันไมโครโฟนอันนี้มีมูลค่ากว่า 600,000 ดอลลาร์ ทางผู้จัดได้หยิบยืมมาจากชายวัย 50 ที่เกษียณแล้วคนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ
พอล จิลสัน ผู้แทนดูแลผลงานศิลปะของเลนนอนมาตั้งแต่ปี 1988 กล่าวว่าเลนนอนไม่เคยเสนอขายผลงานของเขาผ่านแกลลอรี และไม่เคยจัดหมวดหมู่ใดๆ แม้จะสร้างผลงานไว้จำนวนมหาศาล มีการระบุว่า โอโนะ มีภาพลายเส้นของเลนนอนเก็บไว้ถึง 1,700 ภาพ
คริสเตน เวลเลกัส ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแม้จะไม่เปิดเผยว่าใครคือผู้เอื้อเฟื้อภาพผลงานในการจัดแสดงครั้งนี้ ด้วยเหตุผลความปลอดภัย แต่ก็ได้พูดถึงเขาในนามว่า "มิสเตอร์ไคต์" ตามชื่อเพลง "Being for the Benefit of Mr. Kite! ในอัลบั้มชื่อ "Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band." ของวงเดอะ บีเทิลส์ ซึ่งวางตลาดเมื่อปี 1967

Image courtesy of Legacy Productions The recently released "War Is Over If You Want It," from the John Lennon art collection.

เลนนอน เป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะทุ่มเทสุดตัว เขาทุ่มเททำงานที่สถาบันศิลปะแห่งลิเวอร์พูลอยู่ 3 ปี ก่อนวงเดอะบีเทิลส์จะถือกำเนิดขึ้นและโด่งดังไปทั่วโลก ต่อมาเขาถูกลอบยิงเสียชีวิตที่หน้าอพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์ก เมื่อปี 1980 ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้ที่ชื่นชมเขาทั่วโลก
"งานศิลปะของเขาส่งผลโดยตรง ต่อความรู้สึกและอารมณ์ของคน แม้ว่าจะมีรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ก็เปี่ยมด้วยความหมาย ทั้งยังเป็นเครื่องเตือนใจผู้คนได้ว่า ทำไมเลนนอนจึงโดดเด่นไม่เหมือนคนอื่น และเขายืนหยัดในจุดยืนของตัวเองได้อย่างไร" ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์กล่าว